แกะกล่อง Acer Iconia W3

คงจะดี ถ้าtablet จะใช้งานได้อย่างคอมพิวเตอร์ หรือคอมพิวเตอร์จะตัวเล็กเท่าๆ tablet

Acer Iconia W3

คอมพิวเตอร์ที่หน้าตาละม้านคล้าว tablet ซะจริงๆ

ด้วยขนาดจอประมาณ 8 นิ้ว ที่มาพร้อม windows 8 (แบบไม่่ใช่RT(มันคือคอมพิวเตอร์เลยแหละ))

ตัวนี้เป็นที่พูดถึงในงาน build 2013 ด้วย มาดูกันเลย

ด้วยวันนี้ของมีทั้งหมด 3 ชิ้นคือ ตัวเครื่อง case และ คีย์บอร์ด

มาดูที่ตัวเครื่องกันก่อน

กล่องภายนอก

ด้านหลังมีบอกสเป็คของเครื่อง

แกะกล่องกันเลย
เปิดมาจะเจอเครื่องนอนอยู่

มีที่ดึงเครื่องอยู่

ยกเครื่องขึ้นมา มีอุปกรณ์อยู่ข้างใต้

ยกถาดลองเครื่อง จะเจอถุงคู่มืออยู่ข้างใต้

มาดูตัวเครื่องกันก่อน
ตัวเครื่องขนาดประมาณ 8 นิ้ว
ด้านหน้ามีปุ่ม Start อยู่ข้างขวาเครื่อง

ด้านหลังมีกล้องมุมบนขวาพร้อมไฟสถานะ(ไม่ใช้แฟลชนะ)

มีสติกเกอร์อินเทล และวินโด้ มาด้วย

ด้านบยเป็นกล้องและเซ็นเซอร์

ปุ่ม Start ถ้าถือแนวตั้ง จะอยู่ด้านล่าง

ด้านข้าง
เป็นปุ่มล๊อกเครื่อง ,usb,hdmi

ช่องใส่การ์ด microSD ,ปุ่มเพิ่มลดเสียง

ลำโพง ช่องเสียบหูฟัง ช่องเสียบชาร์จ

ด้านล่างไม่มีอะไร

มาดูต่อกับที่ชาร์จ
แยกเป็น2 ชิ้นคือหัวกับตัว

ประกอบโดยใช้การเสียบและหมุนล๊อก

ส่วนที่ต่อกับเครื่องเป็นข้องอ L

เมื่อต่อกันเรียบร้อยแล้ว

มีสายแปลง USB มาให้

เป็นหัว micro usb ตัวผู้ และ usb ตัวเมีย

และในถุงคู่มือนั้น ก็มีมาให้เต็มที่
ประกอบคร่าวๆดังนี้ มีคู่มือ ใบประกัน แผ่นbackup และ

และมีอีกกล่องนึงเป็นเคสแถมมาให้ด้วย

หลังกล่องเป็นวิธีพับ

แกะออกมา วัสดุใช้ได้เลยทีเดียว

ด้านใน ด้านซ้าย มีขั้นสำหรับวางเครื่อง ด้านขวา เป็นพาสติดยึดเครื่อง

และสิ่งที่เป็นเหมือนของคู่กันกับ W3 ก็คือ คีย์บอร์ด นั้นเอง (ซึ่งไม่ได้แถม ต้องซื้อ)

มาดูก่องกันก่อน กล่องข้อนข้างใหญ่โต

สามารถเปิดตรงกลางของกล่องได้

ด้านกลังกล่อง บอกถึงวิธีใช้เจ้านี่กับ w3

เปิดกล่องมา (ด้านคีย์บอร์ด) จะมีกระดาษยึดมา มันมีถ่านซ่อนอยู่ในนั้น

เอาของออกมา
ตัวคีย์บอร์ดนี้เป็นแบบbluetooth ต่อกับเครื่อง w3 ได้เลย ตัวคีย์ไม่ลึกมาก แต่ก็ได้อยากอรรถรสของการกดอยู่ มาพร้อมถ่านไฟฉาย (หาดีดี)

ด้านหลังของตัวนี้ เป็นที่เก็บเครื่อง ไปไฮไลท์ของเจ้าตัวนี้เลย คือการนำเครื่องไปซ่อนไว้ข้างหลัง (ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาคิดอะไรอยู่)

ใส่ถ่าน2ก่อน

สามารถดึงขาตั้ง เพื่อให้รับน้ำหนักได้เยอะขึ้น

ตัวคีย์บอร์ด มีคู่มือมาให้ด้วย(แต่จูนครั้งแรก และแค่เปิดก็ใช้ได้แล้วจริงๆ)

และมีซองมาให้ด้วย

ซองไม่มีฟังก์ชั่นอะไรมาก ใส่ได้ทั้ง2 ด้าน

เมื่อใส่เครื่องลงไป

เมื่อนำเครื่องตั้งบนคีย์บอร์ด (เข้ากันดี)

ประกอบเก็บได้

มีตัวล๊อกแน่นหนา แต่ถ้าหักแล้วเป็นเรื่อง

และเมื่อเทียบกัน 3 ตัว (ipad(10) W3(8) galaxy tab(7) โดยประมาณ)

โดยรวม ถือว่าเป็นคอมพิวเตอร์พกพา ที่หน้าตาเป็นเท็บเล็ก จะดีกว่า เพราะ os ที่ให้มาเป็น windows8
ปกติิ ไม่ใช่ RT ฉนั้น สามารถทำงานได้เต็มที่เหมือนคอมพิวเตอร์ แต่พกพาสำดวก บวกกับขนาดที่ไม่ใหญ่
และไม่เล็กจนเกินไป และถ้าใช้กับอุปกรณ์เสริมอย่างคีย์บอร์ดไร้สาย ก็จะยิ่งเพิ่มความสะดวกในการทำงาน
มากขึ้น โดยเท่าที่ลองๆเล่น ถือว่าใช่ได้เลย ตัวเครื่อง(รัน OS,การใช้งาน) อยู่ในเกณที่เร็วใช่ได้ แต่ถ้าทำงาน
หนักๆ ก็อาจจะต้องรอเป็นเรื่องปกติ ตัวเครื่องจะใช้พื้นที่สำหรับเห็นทุกอย่าง (คือที่เหลือจากOS แล้ว) ประมาก
10GB นิ๊ดๆ ถ้าไม่พอ แนะนำให้ซื้อการ์ดใส่เพิ่ม สำหรับลงโปรแกรม หรือจะหา ExHDD มาต่อ ก็ดูจะเป็นทางเลือก
ที่ดีสำหรับคนที่ต้องการเก็บข้อมูล จอภาพทำได้ไม่ดีเท่าไหร่(ไม่ถึงกะชัดทะลุอย่าง ipad และข้อนข้างบาง) อื่นๆ ก็
ไม่มีอะไรที่ต้องติแล้ว จากราคาขนาดนี้ ถ้าเทียบกับซื้อ netbook อันนี้จะถือเป็นตัวเลือกที่ดีเลยทีเดียว หรือถ้ากำลังหา
แท็บเล็ดซักตัว แต่ไม่อยากเรียนรู้วิธีใช้ใหม่ๆอย่าง android หรือ ios ตัวนี้ก็ตอบโจทย์เรื่องการใช้งานได้เลยทีเดียว

*ย้ำอีกครั้ง คีย์บอร์ดตังซื้อเพิ่ม (แต่ก็ไม่ได้แพงมากมาย)

หาซืื้อได้ตามร้านขายคอมพิวเตอร์ชั้นนำทั่วไป

Mama รสพิเศษ Spicy cheese

เมื่อเร็วๆนี้ 7-11 ครบรอบ 25 ปี มาม่าจึงออกรสพิเศษ (ไม่รู้ใช่หรือป่าวนะ คิดเอาเอง)

Mama Spicy cheese

มาดูภายนอกก่อน (เท่าที่เดินๆ 7-11 มาเห็นแต่แบบกระป๋องนะ)

ส่วนประกอบจากข้างกระป๋อง

ดูใต้กระป๋อง (พึ่งผลิดเลย)

เปิดกระป๋องมา ด้านใน

มี2ซองคือ
Spicy

และCheese (กลิ่นแรงมาก)

และเส้น(ที่ไม่เหมือนในถ้วยต้มยำกุ้ง)

มาทำกันเลย
ตามกล่องบอกว่าใส่ทั้งหมดลงไป กดน้ำ รอ 3 นาที (ดูไม่น่าจะกินได้เลย มาม่ากับน้ำชีสต้มเนี้ย)

ผ่านไป3 นาที (เล้นยังแข็งอยู่เลย)

ลองชิม
รสชาติไม่ถึงกับกินไม่ได้ มีรสชาติในตัวเอง ผสมมากับกลิ่นของชีส ซึ่งเมื่อซดน้ำก็มีรสชีสลงคอหน่อยๆ
ปล. 3นาทีเส้นเข็งนะ เพราะเส้นเป็นแบบพิเศษ

และมาม่ายังทำรสพิเศษอีกรสหนึ่งคือ…….(ผมก็ลืมจดชื่อมันมาซะด้วย) เป็นรสต้มยำกุ้งแบบพิเศษ
ถือเป็นการลองผิดลองถูกของมาม่าอีกครั้ง ที่เอาส่วนผสมที่ไม่น่าจะมาผสม มาผสมกันได้อย่างไม่เลว
ใครอยากลองของใหม่ก็ลองซะนะครับ ไม่รู้จะมีอีกนานเท่าไหร่ ถือว่าซักครั้งในชีวิต