แกะกล่อง Samsung Galaxy S3


วันนี้ ได้โทรศัพท์มาแกะกล่องกันอีกแล้ว วันนี้ขอเสนอ

Samsung Galaxy S3

Samsung Galaxy S3 เป็นมือถือ Hi end ของ samsung ปี 2012 ซึ่งเป็นการโถมของที่มีทั้งหมด(ในตอนนั้น) มาใส่ในโทรศัพท์เครื่องนี้

ซึ่งถือเป็นรุ่นยอดนิยมตั้งแต่ตอนนั้นมา ด้วยรูปลักษณ์ที่ออกแบบอย่างสวยงาม ขนาดกำลังพอดีกับการพกพา และสายตา (เวลามองจอ)

จึงทำให้เจ้า s3 นี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เรามาดูกันเลย

 

มาดูสเป็ค ของเจ้า S3 หรือ i9300 กันก่อน


สรุปง่ายๆคือ

  • จอ 4.8 ” HD Super AMOLED
  • Exynos 4412 Quad-core 1.4 GHz Cortex-A9 + Ram 1GB + 16GB storage
  • กล้องหน้า-หลัง 1.9 / 8 mp
  • กระจกเป็น Gorilla Glass 2 กันลอยขีดข่วน
  • แบต 2100 mAh ถอดปลี่ยนได้
  • Wifi  a/b/g/n, dual-band
  • NFC ,Bluetooth 4.0

เริ่มเลย
มาดูกล่องก่อน
ด้านหน้า สีกล่องจะตามสีเครื่อง เรียบๆทั้งกล่อง

ด้านหลังมีสเป็คเครื่องคร่าวๆ

แกะกล่องออกมา

เจอเครื่องก่อนเลย

เอาเครื่องออกจากกล่อง จะเจอให้เปิดอีกชั้นหนึ่ง

เปิดมาจะเจอคู่มืออีก เมื่อเอาออก จะเจออุปกรณ์ทั้งหมดในกล่อง

และนี้คืออุปกรณ์ทั้งหมดในกล่อง ประกอบไปด้วย

  • ตัวเครื่อง
  • แบตเตอรี่
  • ตัวชาร์จไฟ(สีดำ)
  • สาย USB(สีดำ)
  • ชุดหูฟัง
  • ชุดคู่มือ

ดูแยกชิ้นกัน
หัวชาร์จ และสาย USB

หัวชาร์จแบบ 5V / 1A

ชุดหูฟัง
=====================================================================================

มาพร้อมยางเปลี่ยน

และชุดคู่มือ ที่มีมาให้เยอะเหลือเกิน

และก็ถึงเวลามาดูตัวเครื่องกัน
ด้านหน้าเป็นประเพณีของsamsung โดยต้องมีคุณสมบัติเด่นๆแปะไว้ที่จอ

ด้านหลังมีแปะกันลอยเครื่อง โดยมีวิธีแกะฝาเครื่องมาให้

มาดูเครื่องโดยรอบ
ด้านหน้า
ด้านบนเป็นกล้อง และเซ็นเซอร์

ด้านล่างเป็นปุ่ม(ที่กดแล้วรู้สึกได้) 1 ปุ่ม

ด้านหลังเป็น แฟลช กล้อง ลำโพง

ด้านข้างทั้ง 2 ข้างเป็นปุ่ม โดยเป็นตำแหน่งประจำของ Galaxy เลย ซ้ายเพิ่ม-ลดเสียง ขวาเปิด-ปิด

ด้านล่างเป็นช่อง micro usb และไมค์

ด้านบนเป็น ไมค์ (อีกตัว) ช่องสำหรับดึงฝาหลังออก และรูหูฟัง 3.5mm

มาแกะเครื่อองต่อ
ตามวิธีของเขาเลย ดึงออกทางด้านบน

หลังเครื่อง จะมีช่องสำหลับใส่ซิมการ์ด และ micro sd เป็นแบบกดเต้งเพื่อล๊อก

ถึงฝาจะเป็นพาสติก แต่ก็มีความทนทาน ยืดหยุ่นสูงอยู่พอสมควร

ประกอบทุกอย่างลงไปแล้วเปิดเครื่องกัน

เปิดมาก็จะเจอหน้าตอนรับ ซึ่งจะเป็นการตั้งค่าเครื่องด้วยในตัว (ใส่ได้ก็ใส่ ใส่ไม่ได้ก็ข้ามๆมันไป)

เสร็จเรียบร้อย
หน้าโฮม

หน้าล็อก

โดยเครื่องที่แกะกล่องมาครั้งแรกเลย จะได้เป็น android 4.1.2 ซึ่งในอนาคตสามารถอัพเดทได้

สรุป
ณ ตอนนี้ เจ้าs3 คือเป็นของตกรุ่นแล้ว ซึ่งราคา ณ ตอนเปิดตัว ถือว่าราคาสูงเลยทีเดียว แต่ด้วยกาลเวลา
ก็มีรุ่นใหม่มาแทน จึงทำให้ราคาลง(อย่างหน้ากลัว)แต่ก็ยังมีจุดเด่นหลายอย่าง ที่โทรศัพท์ในราคาเท่าๆกันในยุคนี้ไม่มี
ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้ว ถ้าซื้อมือถือประมาณหมื่น ก็จะได้รุ่นกลาง ซึ่ง s3 นี้ถือเป็นรุ่นใหญ่ ฉนั้นแล้ว
แล้วแต่ความต้องการก็แล้วกัน ว่าอยากได้ของใหม่ในกระแส หรือของตกรุ่นที่ทรงพลัง…………..

 

ซึ่ง ณ ตอนนี้ (จริงๆนี้เขียนไว้รอRomออกนานแล้ว) ปี2014 ประเทศไทย Rom เครื่องไทย ยังไม่มีการออกใหม่ ซึ่งก็ยังบอกไม่ได้เลย ว่า SamsungTH  จะปล่อยอัพเด็ดให้เป็น 4.3 (เหมือนกับ note 2 ที่ได้อัพเด็ดแล้ว) เมื่อไหร่  (แต่สำหรับสายโมดิฟาย Rom นอก(ทั้งของ ss เอง และromโม ทั้งหลาย ก็ทำกันได้ตามสะดวก (ลอกลงทั้ง 4.3 และ 4.4 แล้ว ก็ยังใช้งานได้ดี)))

แกะกล่อง Samsung hdtv adapter


ทุกภาพ ทุกเสียง ที่อยู่ในโทรศัพท์ของเรา บางทีมันก็อาจจะเล็กเกินไปสำหรับการรับชม

Samsung hdtv adapter

เป็นสายต่อจากอุปกรณ์ของเรา ออกไปยังจอข้างนอก โดยออกมาเป็นช่อง HDMI
ต่อบอกก่อนเลย ว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้ ไม่ได้จะตั้งใจซืิ้อมาใช้งานอะไรจริงจังเลย
เพียงแค่จะซื้อมาดูบอล (ais bpl) เท่านั้น

ฉนั้นมารีบแกะกันเลย

กล่องภายนอก โดยอันนี้เป็นรุ่นใหม่แล้ว (โดยรุ่นก่อนหน้า จะเป็นสีดำ ซึ่งมีชื่อเหมือนกัน(ตามหน้ากล่อง))

รองรับ 1080P ที่ 60fps (แต่ต้องตามอุปกรณ์ของคุณ ว่าใช้งานได้ขนาดไหน)

ด้านหลังกล่อง บอกชัดเจนว่าใช้เฉพาะเครื่องของ Samsung (ซึ่งก็ยังไม่เคยลองกับยี่ห้ออื่นเหมือนกัน)

แกะกันเลย (จากด้านข้าง)

แกะออกมามีอุปกรณ์ดังที่เห็น

คู่มือที่ให้มา หน้าแรกเป็นวิธีการต่อ

และก็ตัวอแดปเตอร์ พร้อมกับอะไรไม่รู้

และไออะไรไม่รู้นี้ เรียกว่า ferrite core ครับ (ซึ่งมีไว้กันสัญญาณรบกวน(แต่ใส่กับไม่ใส่ก็ยังไม่เห็นความต่างนะ))

วิธีใส่มัน เขาบอกให้ใส่ใกล้ๆแจ๊คเสียบ ดังรูป

แล้วก็กดให้มันล๊อก เท่านี้ก็ใช่งานได้แล้วว

มาดูตัวอแดปเตอร์กัน
หัวด้านหนึ่ง เป็น microUSB ที่เป็น MHL(Mobile High-Definition Link) ซึ่งจะมีให้โทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ(ของSamsung)

ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็นลักษณะกล่องสี่เหลี่ยม


โดยด้านปลายของกล่องนี้ ก็คือพอร์ท HDMI นั้นเอง

ซึ่ง เมื่อจะใช้งานเจ้าอแดปเตอร์ตัวนี้ ก็ต้องต่อไฟเลี้ยงให้มันด้วยนะ

และก็มาลองต่อกันดูเลย
โดยไฟเลี้ยงนั้นใช้ตัวที่ชาร์ทของโทรศัพท์นั้นแหละ (เพราะในกล่องไม่ห้มาด้วย)

เสียบ HDMI ซ๊ะ

สุดท้ายก็เสียบทั้งหมดเข้ากับเครื่องของเรา (ในที่นี้ใช้ Note 8″)

รอซักแป๊บนึง รูปก็จะไปขึ้นที่จอเราแล้ว (ภาพพร้อมเสียง(โดยเราสามารถตั้งให้เสียงออกได้ ว่าต้องการให้ออกไปที่ใด))

มาลองเล่น video ดู ก็ชัดเจนตามสื่อที่เราต้องการให้เล่น(จะสังเกตว่า video ที่เล่นนั้น เต็มจอ อันเนื่องมาจากขนาดของ video นั้นพอดีกับหน้าจอ ส่วนที่หน้าเมนูนั้น ไม่เต็มจอ)

และก็มาถึงนาทีที่รอ คือการดูบอลจอใหญ่(หลังจากที่ดูจากจอ 8″ มานาน)
เปิด AIS BPL เสียบสายปุ๊บ

ข้อความ : กรุณาถอดสาย HDMI (คืออัลไลลลลลลลลลลล)
จึงลองถอดๆเสียบๆอีกหลายครั้ง ทั้งเปิดก่อนเสียบ เสียบก่อนเปิด ดูอยูาเสียบ ก็ดูไม่ได้

สรุป

  • สะดวกต่อการใช้งาน
  • ใช้งานง่าย
  • ได้ภาพคมชัด ไม่มีสัญญาณลบกวน
  • ใช้ได้เฉพาะ Samsung (ก็อย่างที่บอก ยังไม่ได้ลองกับเครื่องยี่ห้ออื่นอะนะ)
  • ต้องเสียบไฟเลี้ยง แต่ก็เป็นการชาร์ทเครื่องไปในตัว
  • ใช้งานในบาง App ไม่ได้ (อย่างเช่น AIS BPL เป็นต้น)
  • ประกัน 6 เดือน

ก็ลองพิจารณาดูนะครับ ว่าได้ใช้งานมันอย่างคุ้มค่าหรือไม่ กับเงินที่เสียไป
แต่ถ้าจะต้องพรีเซ็นงานบ่อยๆ แล้วจอหรือโปรเจกเตอร์ที่จะไปต่อมีพอร์ท HDMI ก็โอเคเลย
หรือจะใช้เป็นการเล่นสื่อต่างๆ ก็เพียงแค่ใช้โทรศัพท์ที่มี ต่อกับโทรทัศน์ที่มีอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องไปซื้อ Smart TV แล้ว
และยังสามารถใช้เสียบได้หลายๆรุ่น(สำหรับบ้านที่ใช้ Samsung ทั้งบ้าน) อีกด้วย ลงทุนครั้งเดียว

ปล. ไม่มีเครื่องลองจริงๆว่า ถ้า Note 3 ที่ถ่าย video เป็น 4k ได้ ตอนเล่น ยังจะเล่นได้อยู่หรือไม่นะครับ