แกะกล่อง Apple 12W USB Power Adapter + USB Cable

 

วันนี้เราจะมาแกะกล่อง Apple 12W USB Power Adapter และ USB Cable
โดย apple จะมีทั้งขายแยกกัน ซึ่งทำให้สามารถซื้อเฉพาะสิ่งที่เราขาดได้
หรือเป็นชุด Apple World Travel Adapter Kit ก็จะได้หัวหลายแบบ (กับสาย 30pin)

แต่วันนี้จะมาแกะกล่องแบบซื้แแยกชิ้น โดยจะมีส่วนของ Adapter และสาย usb

มาดู 12W USB Power Adapter กันก่อน

กล่องก็จะมีตัวอะแดปเตอร์ ชัดเจน (ถ้าเป็นหัวเล็กๆจะเป็น 5W)

ข้างกล่องจะบอกว่า สามารถใช้กับอะไรได้บ้าง (ซึ่งทุกคนคงซื้อไปใช้กับสินค้าของ apple อยู่แล้วละนะ)
และก็จะบอกหัวเสียบ ว่าเป็นแบบใด (ซึ่งถ้าซื้อ HK ก็จะมาอีกแบบนึง)

ด้านหลังกล่อง (เห็นมันต่อกับ ipad มันก็ต่อกับiphone ได้เหมือนกันนะ )

ด้านล่างของกล่อง จะบอกว่าทำที่ไหน

มาแกะกันเลยดีกว่า
โดยกล่องที่ยังไม่เคยถูกแกะมา จะมีพาสติดเป็นแถบยาว ปิดกล่องอยู่ (วิธีดูของแท้ของปลอมก็ดูกันตรงนี้แหละนะ)

ฉีกมันออกซะ

เปิดกล่องออกมา ก็จะเจอการจัดวางอย่างเป็นระเบียบ

ด้านใน ก็จะมี ตัวอะแดปเตอร์ คู่มือ และเงื่อนไขการประกัน

ตัวอะแดปเตอร์ จะถูกพันรอบด้วยพาสติดใสมา

ตรงหัวถอดได้นะ (เผื่อว่าบางคนจะยังไม่รู้)

ตัวหัว(ที่เสียบกับปลักไฟ) หน้าตาของแต่ละประเทศจะไม่เหมือนกัน แต่ส่วนที่เสียบกับอะแดปเตอร์จะเหมือนกัน และสามารถใช้กันได้

คำถาม เราจะแยกแยะที่ชาร์จของ iphone (5w) กับ ipad (10w,12w) ยังไง
ให้ดูที่ล็อกตัวหัว ถ้าเป็นโลหะ จะเป็นไฟสูง ถ้าเป็นของ iphone (5w) จะเป็นพาสติก

โดยอะแดปเตอร์ตั้งแต่ ipad gen4 ขึ้นมา จะเป็นแบบ 12w แล้ว (รุ่นเก่า(10w)ไม่ต้องตกใจ ใช้ได้)

โดยรวม
มันก็เหมือนกับที่แถมมากับเครื่องตอนแรกทุกประการ

มาดูสายกันต่อ
โดยหน้ากล่อง ก็จะบอกชัดเจนว่าเป็นสายแบบใด (ซื้อ 30pin มา )

โดยข้างกล่อง ก็จะมีเขียนต่างๆ เหมือนกับตัวละนะ

ฉีกกล่องกล่องก็เหมือนๆกันละนะ

เปิดกล่องออกมา ก็จะเจอสายพันมาอย่างเป็นระเบียบ

ข้างในกล่อง มีสายและเงื่อนไขการประกัน

มาดูตัวสายกัน
สายก็จะเหมือนกับสายทั่วไป(ที่แถมมาพร้อมซื้อเรื่อง) แต่พันสายมา มันชั่งน่าใช้ซะเหลือเกิน
นี่คือสายจากในกล่อง

ถ้าซื้อแบบเป็น Lightning จะได้พันมาเหมือนกันเลย

สรุป

  • ถ้าซื้อให้คุ้ม ซื้อ 12w ไปเลย ชาร์จได้ทั้ง iphone ipod ipad
  • สายก็เลือกตามหัวของอุปกรณ์ที่มีแล้วกัน
  • ประกัน 1 ปีทั้งสาย และหัว
  • ราคา 690 บาท ทั้งสาย และหัว

ปล. ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงซื้อของแท้ใช้เถอะครับ สบายใจ ไม่ต้องมานั่งกังวลว่ามันจะระเบิดไหม (โอกาสมันน้อยมากๆ ถ้าไม่มีปัญหาอะไร)

แกะกล่อง Samsung Galaxy S3


วันนี้ ได้โทรศัพท์มาแกะกล่องกันอีกแล้ว วันนี้ขอเสนอ

Samsung Galaxy S3

Samsung Galaxy S3 เป็นมือถือ Hi end ของ samsung ปี 2012 ซึ่งเป็นการโถมของที่มีทั้งหมด(ในตอนนั้น) มาใส่ในโทรศัพท์เครื่องนี้

ซึ่งถือเป็นรุ่นยอดนิยมตั้งแต่ตอนนั้นมา ด้วยรูปลักษณ์ที่ออกแบบอย่างสวยงาม ขนาดกำลังพอดีกับการพกพา และสายตา (เวลามองจอ)

จึงทำให้เจ้า s3 นี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เรามาดูกันเลย

 

มาดูสเป็ค ของเจ้า S3 หรือ i9300 กันก่อน


สรุปง่ายๆคือ

  • จอ 4.8 ” HD Super AMOLED
  • Exynos 4412 Quad-core 1.4 GHz Cortex-A9 + Ram 1GB + 16GB storage
  • กล้องหน้า-หลัง 1.9 / 8 mp
  • กระจกเป็น Gorilla Glass 2 กันลอยขีดข่วน
  • แบต 2100 mAh ถอดปลี่ยนได้
  • Wifi  a/b/g/n, dual-band
  • NFC ,Bluetooth 4.0

เริ่มเลย
มาดูกล่องก่อน
ด้านหน้า สีกล่องจะตามสีเครื่อง เรียบๆทั้งกล่อง

ด้านหลังมีสเป็คเครื่องคร่าวๆ

แกะกล่องออกมา

เจอเครื่องก่อนเลย

เอาเครื่องออกจากกล่อง จะเจอให้เปิดอีกชั้นหนึ่ง

เปิดมาจะเจอคู่มืออีก เมื่อเอาออก จะเจออุปกรณ์ทั้งหมดในกล่อง

และนี้คืออุปกรณ์ทั้งหมดในกล่อง ประกอบไปด้วย

  • ตัวเครื่อง
  • แบตเตอรี่
  • ตัวชาร์จไฟ(สีดำ)
  • สาย USB(สีดำ)
  • ชุดหูฟัง
  • ชุดคู่มือ

ดูแยกชิ้นกัน
หัวชาร์จ และสาย USB

หัวชาร์จแบบ 5V / 1A

ชุดหูฟัง
=====================================================================================

มาพร้อมยางเปลี่ยน

และชุดคู่มือ ที่มีมาให้เยอะเหลือเกิน

และก็ถึงเวลามาดูตัวเครื่องกัน
ด้านหน้าเป็นประเพณีของsamsung โดยต้องมีคุณสมบัติเด่นๆแปะไว้ที่จอ

ด้านหลังมีแปะกันลอยเครื่อง โดยมีวิธีแกะฝาเครื่องมาให้

มาดูเครื่องโดยรอบ
ด้านหน้า
ด้านบนเป็นกล้อง และเซ็นเซอร์

ด้านล่างเป็นปุ่ม(ที่กดแล้วรู้สึกได้) 1 ปุ่ม

ด้านหลังเป็น แฟลช กล้อง ลำโพง

ด้านข้างทั้ง 2 ข้างเป็นปุ่ม โดยเป็นตำแหน่งประจำของ Galaxy เลย ซ้ายเพิ่ม-ลดเสียง ขวาเปิด-ปิด

ด้านล่างเป็นช่อง micro usb และไมค์

ด้านบนเป็น ไมค์ (อีกตัว) ช่องสำหรับดึงฝาหลังออก และรูหูฟัง 3.5mm

มาแกะเครื่อองต่อ
ตามวิธีของเขาเลย ดึงออกทางด้านบน

หลังเครื่อง จะมีช่องสำหลับใส่ซิมการ์ด และ micro sd เป็นแบบกดเต้งเพื่อล๊อก

ถึงฝาจะเป็นพาสติก แต่ก็มีความทนทาน ยืดหยุ่นสูงอยู่พอสมควร

ประกอบทุกอย่างลงไปแล้วเปิดเครื่องกัน

เปิดมาก็จะเจอหน้าตอนรับ ซึ่งจะเป็นการตั้งค่าเครื่องด้วยในตัว (ใส่ได้ก็ใส่ ใส่ไม่ได้ก็ข้ามๆมันไป)

เสร็จเรียบร้อย
หน้าโฮม

หน้าล็อก

โดยเครื่องที่แกะกล่องมาครั้งแรกเลย จะได้เป็น android 4.1.2 ซึ่งในอนาคตสามารถอัพเดทได้

สรุป
ณ ตอนนี้ เจ้าs3 คือเป็นของตกรุ่นแล้ว ซึ่งราคา ณ ตอนเปิดตัว ถือว่าราคาสูงเลยทีเดียว แต่ด้วยกาลเวลา
ก็มีรุ่นใหม่มาแทน จึงทำให้ราคาลง(อย่างหน้ากลัว)แต่ก็ยังมีจุดเด่นหลายอย่าง ที่โทรศัพท์ในราคาเท่าๆกันในยุคนี้ไม่มี
ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้ว ถ้าซื้อมือถือประมาณหมื่น ก็จะได้รุ่นกลาง ซึ่ง s3 นี้ถือเป็นรุ่นใหญ่ ฉนั้นแล้ว
แล้วแต่ความต้องการก็แล้วกัน ว่าอยากได้ของใหม่ในกระแส หรือของตกรุ่นที่ทรงพลัง…………..

 

ซึ่ง ณ ตอนนี้ (จริงๆนี้เขียนไว้รอRomออกนานแล้ว) ปี2014 ประเทศไทย Rom เครื่องไทย ยังไม่มีการออกใหม่ ซึ่งก็ยังบอกไม่ได้เลย ว่า SamsungTH  จะปล่อยอัพเด็ดให้เป็น 4.3 (เหมือนกับ note 2 ที่ได้อัพเด็ดแล้ว) เมื่อไหร่  (แต่สำหรับสายโมดิฟาย Rom นอก(ทั้งของ ss เอง และromโม ทั้งหลาย ก็ทำกันได้ตามสะดวก (ลอกลงทั้ง 4.3 และ 4.4 แล้ว ก็ยังใช้งานได้ดี)))